วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การสอนให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านใน

เมื่อวานนี้ได้ทำหน้าที่ร่วมรับรองเพื่อนอาจารย์พยาบาลจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่มาศึกษาดูงานที่ศูนย์จิตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ตั้งอยู่ที่ชั้น3 อาคารพัฒนดล คณะสิ่งแวดล้อม ศาลายา ได้เห็นความตั้งใจของตัวเอง ที่จะทำงานอาสา เนื่องจากก่อนหน้านี้มีโอกาสทำกิจกรรมเวทีเสวนาเพื่อนครูมหิดล โดยมีอาจารย์อุ๊ยเป็นที่ปรึกษา ก่อนกลับอาจารย์อุ๊ยเปรยว่าจะมีแขกมาเยี่ยมศูนย์ เป็นอาจารย์พยาบาลใครจะมาช่วยได้บ้าง จึงตกปากรับคำเพราะเห็นว่าเราน่าจะแบ่งปันประสบการณ์แบบพยาบาลด้วยกันได้ และในวันนั้นไม่มีสอน ไม่มีประชุม แม้ในเวลาต่อมาเกิดมีนัดสำคัญขึ้น และจำเป็นต้องออกจากศาลายาเวลาเที่ยง เพื่อจะทำภารกิจเวลาบ่ายสองโมง แต่ก็พยายามจัดการตนเองเพื่อทำภารกิจที่อาสานี้ให้ลุล่วง

เช้าวันที่21ตุลาคม 2553 ประมาณ 8.30น.ได้รับโทรศัพท์ถามว่าเดินทางถึงไหนแล้ว รู้สึกละอายมาก เพราะความลังเลไม่แน่ใจ รอโทรศัพท์ยืนยันเวลาว่าแขกจะมากี่โมง เมื่อเงียบไป จึงมิได้ขอรถไว้ ณ โมเมนต์นั้นตอบไปว่าจะออกเดินทางภายใน9.00น. และจะอยู่ได้ครึ่งวัน จากนั้นรีบติดต่อหน่วยยานพาหนะปรากฎว่าไม่มีรถเลย แต่ดูตารางแล้วหากจะติดรถของหน่วยงานอื่นที่ไปราชการบริเวณนั้นเวลา9.30-12.00น. ได้ จึงรีบฝากเนื้อฝากตัวทันที เมื่อเอาเข้าจริง รถคันนั้นจะกลับเวลา 10.00น. ฉันต้องคิดอย่างรวดเร็วว่าจะเดินทางกลับด้วยรถบริการของมหาวิทยาลัย แต่มีความกังวลว่าจะกลับมาไม่ทันนัดตอนบ่าย โชคดีมากๆ ที่หน่วยยานพาหนะแจ้งว่าช่วงเวลาเที่ยงจะมีรถที่อีกหน่วยงานหนึ่งขอไว้และจะกลับจากบริเวณศาลายา จึงเป็นอันว่ามีรถเดินทางทั้งไปและกลับ โชคดีกว่านั้นอีกที่พนักงานขับรถมีน้ำใจมาก ขับมารับถึงอาคารที่เราปฏิบัติหน้าที่เพื่อ ให้ไปรอกลับพร้อมอาจารย์ผู้ใหญ่ของคณะที่มาราชการและเป็นผู้ขอใช้รถ รู้สึกดีมากๆ กับความเอื้ออาทรของหน่วยยานพาหนะ และพนักงานขับรถ

การมาช่วยรับรองแขกจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นอาจารย์ด้วยกันครั้งนี้ ได้เห็นความมุ่งมั่นของคณะพยาบาลศาสตร์แห่งนี้ อาจารย์มากันกว่าสิบคน ทุกคนดูใส่ใจในกิจกรรมที่ทางศูนย์จิตปัญญาจัด ผลัดกันถามตอบถึงหนทางที่จะจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านใน อาจารย์ทางศูนย์เปิดพื้นที่ให้ฉันเล่าประสบการณ์การสอนหมวดวิชาศึกษาทั่วไป และประสบการณ์ส่วนตัวในการจัดการเรียนการสอนที่บูรณาการแนวคิดTransformative Learning เข้าไปในหลักสูตร

ฉันรู้สึกดีกับการแบ่งปัน เพราะมีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมสอนวิชามมศท.101 ตั้งแต่ยุคต้นๆ วิชานี้ยึดแนวคิดการสร้างบัณฑิตให้เป็นคนดี และเชื่อว่าการสอนแต่วิชาชีพเปรียบเสมือนการให้อาวุธแก่โจร เพราะคนเก่งวิชาชีพ แต่ไม่เป็นคนดี อาจทำให้สังคมเดือดร้อนได้ ฉันเล่าประสบการณ์ตั้งแต่การสร้างหลักสูตร ท่านอาจารย์เอื้อพงษ์ และอาจารย์ทวี จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลกรุณาไปกราบขอคำแนะนำจากพระพรหมคุณาภรณ์ (ท่านป.ปยุตโต) และถ่ายวิดีโอมาให้เราได้เรียนรู้เพื่อร่วมกันสร้างหลักสูตร กำหนดวิธีการสอน และการทดลองสอนกับตัวอย่างที่สุ่มมาจากคณะต่างๆ ประมาณ 2 กลุ่ม ให้พวกเราได้เห็นวิธีการสอน และวิเคราะห์ผลการทดลองสอนจากปากของผู้เรียน ผู้สอน และจากการที่เรามองเห็น นับเป็นการเตรียมการที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดที่เคยพบเห็น โดยเฉพาะแผนการสอนที่ละเอียดมากๆ เพียงได้เห็นแผนและศึกษาแผนการสอนล่วงหน้าอย่างจริงจัง จะสามารถสอนได้เลย พวกเราเรียกว่าแผนการสอนภาคพิศดาร

คืนนี้มานั่งคิดทบทวนแล้วอดชื่นชมไม่ได้ ที่พบว่า แม้การจัดกลุ่มผู้สอนก็จัดแบบให้ผู้สอนมีส่วนร่วมคิด และมีกิจกรรมร่วมกันทั้งภาควิชาการและภาคสังคม เช่น การสังสรรค์ ร้องเพลงกันในคืนแรกที่เดินทางไปสัมมนาหลักสูตร ฉันพบว่าการทำกิจกรรมแบบนี้ทำให้เรารู้จักคุ้นเคยกันมากขึ้น ส่งผลต่อไปในการทำงานร่วมกันอย่างดีมากๆ อยากจะบอกว่าเป็นกลวิธีที่เยี่ยมยอด เมื่อก่อนนี้ไม่ค่อยมีเพื่อนต่างคณะ รู้สึกว่าชาวมหิดลห่างเหินกันมากๆ เพราะแยกกันอยู่กระจัดกระจาย แต่ตั้งแต่เข้ามาร่วมสอนทำให้เรามีเพื่อนมากมาย และกลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้ง่ายมาก เดี๋ยวนี้รู้สึกว่ามหิดลคือเรา เราคือมหิดล

ในวิชานี้เรามีการทำกิจกรรมที่เรียกว่าBAR และ AAR ทั้งในวงเล็กคือในกลุ่มที่สอนร่วมกันในหนึ่งห้องเรียน และนำไปคุยกันในวงใหญ่ทั้งวิชา ก่อนสอนทุกคาบเราจะพบกันก่อน ท่านอาจารย์เอื้อพงษ์ และอาจารย์ทวี หัวหน้าชุดวิชา จะมาทบทวนให้อีกครั้งถึงเนื้อหา วิธีการ และจุดที่อยากเน้น หรือจุดที่คิดว่านักศึกษาจะเข้าถึงได้ยาก อาจารย์ยังดูแลไปถึงstaff ที่ให้ช่วยเตรียมเอกสารการสอน การให้คะแนน รวมไปถึงอาหารว่างและน้ำดื่ม ฉันเห็นตัวอย่างความเป็นครูด้วยหัวใจของอาจารย์ทั้งสอง

เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เล่าให้เพื่อนจากสงขลานครินทร์ฟังได้ละเอียดเท่าที่เขียนในย่อหน้าข้างต้น จะว่าไปคือการทำงานแบบมีส่วนร่วม ที่เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ อาจารย์ที่เข้ามาได้รับคุณค่าเท่าเทียมกัน ไม่แบ่งว่าใครเป็นแพทย์ เป็นวิศวะ หรือ เป็นสายสังคม เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงานใหญ่ เราจะทำชิ้นงานที่รับผิดชอบให้ดีที่สุด เรานำชุดการสอนมาฝึกปรือล่วงหน้า เรานัดอาจารย์ที่สอนห้องเรียนเดียวกันมาฝึกร่วมกัน ใครรับมอบเป็นผู้สอนหลัก ใครเป็นผู้สอนรอง และใครเป็นผู้ช่วย ผู้ช่วยจะเปิดสไลด์ให้สอดคล้องกับผู้สอนหลักอย่างไร จะให้สัญญานกันอย่างไร ใครจะเป็นผู้ตรวจงานนักศึกษา เพราะการสอนวิชานี้ จะไม่มีงานค้าง สอนเสร็จให้คะแนนเสร็จเป็นครั้งๆไป เพื่อให้staff นำไปกรอก รอการสรุปคะแนน อยากจะบอกว่าเป็นบรรยากาศการทำงานแบบทีมโดยแท้จริง
ยิ่งวันที่ห้องเรียนของเรา จัดกิจกรรมให้นักศึกษาได้นำความรู้ไปประยุกต์ ซึ่งมอบหมายให้นักศึกษาทำโครงงานเป็นกลุ่ม และเก็บข้อมูลมานำเสนอเป็นPoster Presentation คุณครูแต่ละห้องเรียนจะต้องเป็นที่ปรึกษาโครงงาน 1-3 โครงงานต่อคน อาจารย์จะติดต่อกับนักศึกษาของตน ให้พื้นที่นักศึกษานำแผนการจัดโครงงานมาเสนอในห้องเรียน เพื่อเรียนรู้ร่วมกัน ตรงส่วนนี้อาจารย์ก็ร่วมกันหาวิธีการเพื่อการประเมินผลป้อนกลับที่ไม่ขัดแย้งกันเอง และบริหารเวลาได้อย่างเหมาะสม

ในวันที่เรามาติดตามผลการเรียนรู้ คือโครงงานของนักศึกษา ก็ถือเป็นงานช้างของเรา เพราะเรามีนักศึกษาปี1 ประมาณ 3600 คน แบ่งสอน3วัน วันละ1200 คน จัดสอนเป็น 4 ห้องๆละ 300 คน ปัจจุบันเราปรับปรุงเป็นเหลือห้องละประมาณ 200 คน เราประชุมร่วมกัน จัดทีม ออกเดินติดตามผล โดยให้นักศึกษายืนประจำบอร์ดPresent และอธิบายโครงงาน พร้อมผลการศึกษาที่ได้รับ วันนั้นเราจะได้สอนเรื่องวินัยด้วย นักศึกษาจะแต่งกายเรียบร้อย ตรงเวลา และฝึกการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม ทุกคนต้องมาปรากฎตัวอย่างพร้อมเพรียงที่บอร์ดของตน จากนั้นมีการให้คะแนน และคัดเลือกเรื่องที่น่าสนใจให้มานำเสนอชั้นใหญ่ แรกๆ มีผู้บริหารระดับอธิการบดีมาร่วมงาน ปัจจุบันรูปแบบแตกต่างไปเล็กน้อย เพื่อให้สอดคล้องกับเวลา จึงให้นำเสนอในห้องเรียนของตนเอง แต่สลับอาจารย์เข้าไปประเมินให้คะแนน

บทเรียนที่ได้เรียนรู้ ในฐานะกรรมการหมวดวิชาศึกษาทั่วไป และฐานะผู้สอน การเปิดสอนวิชานี้โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นแกนกลางในการดำเนินการ มีผลดีด้านบริหารจัดการห้องเรียนเพื่อรองรับนักศึกษา และมีพลังในการให้แต่ละคณะส่งอาจารย์มาร่วมสอนตามข้อตกลงนักศึกษา100คนจะส่งอาจารย์มาสอน2 คน เป็นต้น ได้เรียนรู้กระบวนการการสร้างหลักสูตรรายวิชาอย่างครบขั้นตอน มีการนำข้อมูลประเมินการสอนรายวิชาโดยผู้เรียน ข้อมูลจาการทำAnecdotal Record ของอาจารย์ การฟังเสียงของstaffทำงาน รวมถึงการมองภาพรวมของมหาวิทยาลัย นำสิ่งเหล่านี้มาพูดกัน และปรับให้เข้ากับบริบทในวาระของผู้เรียน หรือที่เรียกว่าผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง

กลับจากศูนย์จิตปัญญาด้วยความสุข อิ่มใจที่ได้แบ่งปันความรู้ที่เกิดจากปัญญาปฏิบัติ คือการสร้างชุมชนครูกล้าสอน ขึ้นในหลักสูตรทำให้มีพื้นที่สำหรับอาจารย์ที่จะมาคุย แบ่งปัน ปรึกษากันถึงเรื่องการสอนที่ตนนำไปใช้ เป็นการสอนที่เกิดจากการบูรณาการจิตปัญญาศึกษาเข้ากับรายวิชา ชื่นชมอาจารย์จากแดนใต้ที่พยายามแสวงหาแนวทางที่จะสอนความเป็นคนให้แก่นักศึกษา และรู้สึกถึงคุณค่าและความหมายของการเป็นครูโดยแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น